วาทกรรมทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์

Abstract

การวิจัยเรื่องวาทกรรมทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ค้นหา และวิเคราะห์การสร้างวาทกรรมทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในแต่ละยุค โดยใช้แนวทางการศึกษาผ่านหลักการวิเคราะห์วาทกรรม ตามแนวคิดของมิเชล ฟูไกต์ (Michel Foucault)และนอร์แมน แฟร์คลัฟ (Norman Fairclough) ประกอบกับแนวทางแบบวงศาวิทยา(Genealogy)เพื่อการสืบค้นหาร่องรอยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองไทยในแต่ละยุค จากการศึกษาเอกสารและการสัมภาษณ์ทั่วไป (Interview) กับกลุ่มผู้ให้ข้อมูลซึ่งเป็นนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ นักการเมือง นักสื่อสารมวลชน และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองไทยอย่างครอบคลุม จากนั้นผู้วิจัยจะได้เก็บข้อมูลในรูปแบบของตัวบท (text) จากเอกสารสิ่งพิมพ์ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต รวมถึงการสัมภาษณ์แบบเชิงลึก (In-depth interview)กับผู้ให้ข้อมูลหลักซึ่งเป็นนักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์เพื่อใช้เป็นข้อมูลวาทกรรมทางการเมืองเพิ่มเติม ซึ่งจะเผยให้เห็นถึงการสร้างวาทกรรมทางการเมือง ปฏิบัติการทางวาทกรรม การสถาปนาอำนาจของวาทกรรมผ่านปฏิบัติการทางสังคมรวมถึงการสร้างอัตลักษณ์และการสร้างอุดมการณ์ให้แก่วาทกรรมทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในแต่ละยุค ผลการวิจัยพบว่าพรรคประชาธิปัตย์มีกระบวนการสร้างและการให้ความหมายแก่วาทกรรมทางการเมืองในแต่ละยุค โดยมีเนื้อหาหลักร่วมกันคือการทำให้สังคมเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ด้วยการใช้อำนาจที่แยบยลและสร้างความชอบธรรมให้แก่พรรค สร้างอุดมการณ์ให้คนในสังคมยอมรับ ยอมตาม เชื่อฟัง และปฏิบัติตามวาทกรรมทางการเมืองที่สร้างขึ้น ผ่านภาคปฏิบัติการของวาทกรรมที่หลากหลายและผลิตซ้ำวาทกรรมเหล่านั้น ทั้งนี้การให้ความหมายวาทกรรมทางการเมือง พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงให้สอดรับกับบริบททางสังคมและการเมืองในแต่ละยุค และจากความสัมพันธ์เชิงอำนาจในการสร้างวาทกรรมทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ได้ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความชอบธรรม ในการส่งผ่านความรู้ อัตลักษณ์ และอุดมการณ์จากความหมายที่สร้างขึ้นในแต่ละยุค เพื่อตอกย้ำให้สังคมไทยซึมซับจนเชื่อว่าวาทกรรมทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ คือพรรคการเมืองที่ทำหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้โดบสมบูรณ์ และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ