การศึกษาหลักฐานทางประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานและการพัฒนาเมืองนครปฐม เพื่อการวางแผนอนุรักษ์และพัฒนาชุมชน
Other Title:
A study on historical evidences of human settlement, urbanization, and development of Nakhon Pathom city for conservation and development planning
Author:
Advisor:
Subject:
Date:
2013
Publisher:
มหาวิทยาลัยศิลปากร
Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาทฤษฎี แนวความคิดและหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของเมือง การผสานองค์ความรูในมิติด้านประวัติศาสตร์เข้ากับกระบวนการวางผังเมือง เพื่อเป็นพื้นฐานในการวางแผน อนุรักษ์และพัฒนาเมืองนครปฐมในอนาคต ระเบียบวิธีวิจัย ใช้วิธีการศึกษาจากเอกสาร หนังสือ ตำราและงานวิจัย ประกอบกับการสำรวจภาคสนาม ใช้เครื่องมือระบุตำแหนงบนพื้นโลก (GPS) ในการระบุตำแหนง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ วิธีการวิเคราะห์ใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา และการนำข้อมูลสถานที่ทางประวัติศาสตร์กำหนดลงบนแผนที่พื้นฐานแล้วทำการวิเคราะห์โดยการซ้อนทับ (Overlay Analysis) บนผังเมืองรวมเมืองนครปฐม
ผลสรุปจากการวิจัยพบว่าการสร้างเมืองนครปฐมไมมีหลักฐานแน่ชัด แต่โบราณสถานโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบมีข้อสันนิษฐานว่าเป็นสวนหนึ่งของอาณาจักรทวารวดี ซึ่งรุ่งเรืองในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 - 16 เมื่ออาณาจักรทวารวดีล่มสลาย นครปฐมกลายเป็นเมืองร้าง เนื่องจากแมน้ำเปลี่ยนทิศทาง นครปฐมกลับมาเป็นเมืองอีกครั้งจากการที่รัชกาลที่ 4 ทรงคนพบและบูรณะปฏิสังขรณ์องค พระปฐมเจดียหลัง จากนั้นมีการขุดคลองเจดียบูชาขึ้นเพื่อใชในการเสด็จมานมัสการ การตั้งถิ่นฐานในระยะแรก จึงมีลักษณะเปนแนวยาวตามเส้น ทางคมนาคม เมื่อเมืองเติบโตขึ้นจึงกระจุกตัวหนาแนนบริเวณโดยรอบองคพระปฐมเจดียจนกลายเป็นศูนย์กลางเมือง จากการวิเคราะหคุณคาความสําคัญทางประวัติศาสตร์ สามารถจําแนกตามยุคสมัยไดดังนี้ คือ
สมัยทวารวดี ไดแก พระประโทณเจดีย เจดียจุลประโทน วัดธรรมศาลา วัดพระงาม วัดพระเมรุ สระน้ำจันทร์ และคูเมืองทวารวดี สมัยรัชกาลที่ 4 ไดแก องคพระปฐมเจดีย และคลองเจดียบูชา สมัยรัชกาลที่ 6 ไดแก พระราชวังสนามจันทร สะพานเจริญศรัทธา และโรงเรียนราชินีบูรณะ เมื่อนําสถานที่เหลานี้มาวิเคราะหโดยการซอนทับลงบนผังเมืองรวมเมืองนครปฐมแลวพบวา มีการวางและจัดทําผังเมืองที่เหมาะสมอยูเพียง แหงเดียว คือ บริเวณพระราชวังสนามจันทร สวนอีก 3 แหง มีการกําหนดเปนพื้นที่สีน้ำตาลออนเชนกัน แตไมไดคํานึงถึงบริเวณโดยรอบ ไดแก สระน้ําจันทร วัดพระเมรุ และ คูเมืองทวารวดี นอกจากนั้นอีก 8 แหง ยังไมเหมาะสมและไมคํานึงถึงคุณคาทางประวัติศาสตรอีกดวยไดแก พระประโทณเจดีย เจดียจุลประโทน วัดธรรมศาลา วัดพระงามองคพระปฐมเจดีย คลองเจดียบูชา สะพานเจริญศรัทธา และโรงเรียนราชินีบูรณะ
แนวทางในการวางแผนอนุรักษและพัฒนาเมือง เสนอแนะใหนํากฎหมายที่เกี่ยวของมาใชบังคับรวมกัน ไดแก 1) พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแหงชาติ พ.ศ.2504 เพื่อดําเนินการขึ้นทะเบียนโบราณสถานและสถานที่ตั้งสําหรับหลักฐานทางประวัติศาสตรใดยังไมไดขึ้นทะเบียน 2) พระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ.2518 ในการวางและจัดทําผังเมืองรวมโดยกําหนด การใชประโยชนที่ดินประเภทอนุรักษเพื่อสงเสริมเอกลักษณและศิลปวัฒนธรรมไทย (สีน้ำตาลออน) และประเภทที่โลงเพื่อนันทนาการและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดลอม (สีเขียวออน) ในบริเวณสถานที่ตั้ง และโบราณสถาน และบริเวณเขตกันชนตามลําดับ ในการวางผังถนน ควรรื้อฟนโครงการถนนพุทธบูชาและถนนในแนวแกนเหนือ-ใตและแนวแกนตะวันออกตะวันตก ใหเปนถนนกวางและสงางามเพื่อเปดมุมมองจากสวนตางๆ ของเมืองใหองคพระปฐมเจดียโดดเดน 3) พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ผานขอบัญญัติทองถิ่นเพื่อควบคุมการปลูกสรางและดัดแปลงอาคาร ความสูง และระยะถอยรนในบริเวณสถานที่ตั้งโบราณสถาน และ 4) การจัดทําแผนอนุรักษและพัฒนาเมืองนครปฐมที่มีรายละเอียดของการอนุรักษสถานที่สําคัญตางและการพัฒนาบริเวณโดยรอบที่สงเสริมและเกื้อกูลบริเวณอนุรักษ This research aims to study theories and concepts of human settlement, urbanization and evidences of habitation within an old city, as well as the integration of historical knowledge into a city planning process. Results from the study will be used as a basis for conservation and development planning of NaKhon Pathom in the future. Research methods employed include data and information collection from various secondary sources accompanied by field survey. To identify the significant historical areas, (GPS: Global Positioning System) was used to locate the definite sites on the base maps. Afterwards, the information was classified and analyzed by overlaying the historical areas map on top of the adopted Nakhon Pathom General Plan B.E. 2544. Finally, the composited map indicates numbers of substantive mishandling historical places and sites that should be corrected.
The finding is that there is still no substantive evidence of city establishment. However, archaeological site and finds convince historians to assume that Nakhon Pathom was one of the Kingdom of Dhavaravadi which flourished during 11-16 B.E... After the ruin of Dhavaravadi, Nakhon Pathom became deserted due to the change of river line. The city became occupied again after King Rama IV had found and restored Prapathom Chedi. The King had initiated an idea to construct the canal, which is now so-called Klong Chedi Bucha, to facilitate his journey to the pagoda. As a result, the linear settlement was formed along the canal. After the century of growth, urbanization is now concentrated around the pagoda which is the centre of the city. A result of the archaeological finds also provides sufficient information to group 12 historical places based on 3 periods. Prapathon Chedi, Chunlaprathon Chedi, Wat Thammasala, Wat Phra Ngam, Wat Prameru, Sra Nam Chan and Moat of Dhavaravadi are grouped in Dhavaravidi Period. Prapathom Chedi and Chedi Bucha Canal are grouped in King Rama IV period. Sanam Chan Palace, Charoen Satha Bridge and Rachinee Burana School are in King Rama VI period. The overlay analysis reveals that only Sanam Chan Palace has a suitable city planning while the other 11 places have been planned without the concern of historical places’ significant.
For conservation and development planning of Nakhon Pathom, the 3 related Acts should be utilized and enforced as tools for the plan implementation. 1) As provided by the Historical Place, Monument, Art Object and Museum Act B.E. 2504, unregistered historical places should be registered as national historical landmarks immediately. 2) In preparing the city general plan according to the City Planning Act B.E. 2518, all historical place and sites and the surrounding areas should be assigned as conservation or open space and recreation types of land use respectively. Furthermore, north-south and east-west axis should be reinstated as major avenue-type thoroughfares to provide attractive city vista and to enhance the beauty and domination of Prapathom Chedi. 3) To supplement conservation goals, local regulations should be established to control construction of building in term of height, distance and setback in certain areas, as provided by the Building Control Act B.E. 2522. 4) Lastly, detailed city conservation and development plan should be prepared and adopted to conserve the targeted historical places and sites, as well as to enhance the city cultural landscape in general.
Description:
วิทยานิพนธ์ (ผ.ม. (การวางแผนชุมชนเมืองและสภาพแวดล้อม))--มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2556
Type:
Degree Name:
การวางแผนชุมชนเมืองและสภาพแวดล้อมมหาบัณฑิต
Discipline:
การวางแผนชุมชนเมืองและสภาพแวดล้อม
Rights Holder:
มหาวิทยาลัยศิลปากร
Collections:
Total Download:
428
View/ Open
Metadata
Show full item recordRelated items
Showing items related by title, author, creator and subject.
-
ตลาดนัดกับบทบาทผู้บริโภค : กรณีศึกษาตลาดนัดวัดใหม่ปิ่นเกลียว ต. นครปฐม อ. เมืองนครปฐม จ. นครปฐม
Collection: Theses (Master's degree) - Sanskrit / วิทยานิพนธ์ - ภาษาสันสกฤตType: Thesisมธุกร ตปนีย์ (มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2000) -
การปรับตัวของผู้สูอายุในเขตเทศบาลนครนครปฐม จังหวัดนครปฐม
Collection: Theses (Master's degree) - Community Psychology / วิทยานิพนธ์ – จิตวิทยาชุมชนType: Thesisรุจิรางค์ แอกทอง; Rujirang Agthong (มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2006) -
พฤติกรรมการป้องกันการกระทำรุนแรงของนักเรียนวัยรุ่น ในอำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
Collection: Theses (Master's degree) - Community Psychology / วิทยานิพนธ์ – จิตวิทยาชุมชนType: Thesisกรรณิกา อ่างทอง; Kannika Angthong (มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2009)