การศึกษาสถาปัตยกรรมวัดพระธาตุทุ่งยั้ง

Other Title:
A study of architecture in Wat Bharbaromadhatu Tungyang
Advisor:
Date:
1993
Publisher:
มหาวิทยาลัยศิลปากร
Abstract:
วัตถุประสงค์ในการศึกษาสถาปัตยกรรมวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งนี้ เพื่อศึกษาสกุลช่างท้องถิ่นโดยมีวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะในด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมได้ขาดช่วงการศึกษาที่ต่อเนื่องไปนาน กล่าวได้ว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ได้ทรงพระนิพนธ์หนังสือเรื่อง เที่ยวตามรางรถไฟและจดหมายระยะทางไปพิษณุโลก บทพระนิพนธ์และข้อสันนิษฐานของทั้งสองพระองค์ได้ทำให้งานศิลปกรรมของท้องถิ่นนี้ เป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา การศึกษาในเรื่องดังกล่าวก็จางขาดหายไป เข้าใจว่าคงเนื่องมาจากข้อคิดเห็นและข้อสันนิษฐานของสองพระองค์ท่าน ทำให้นักวิชาการหลายคนถือเป็นข้อยุติ
ถึงกระนั้น หลักฐานต่าง ๆ ตลอดจนข้อมูลปลีกย่อยที่ยังไม่ค้นพบในขณะนั้น ยังมีอีกมาก ระยะเวลาที่ศึกษาตลอดจนวิธีการศึกษายังอยู่ในวงจำกัด เมื่อได้มีการค้นพบหลักฐานใหม่ ๆ และข้อมูลปลีกย่อยมาเพิ่มเติม ก็ทำให้เรื่องราวของท้องถิ่นเป็นที่น่าสนใจขึ้นมาอีก
ในการศึกษา ได้อาศัยข้อมูลจากพระราชนิพนธ์ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัวและสมเด็จฯ ทั้งสองพระองค์เป็นหลัก และเป็นข้อมูลที่สำคัญ สามารถทำให้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบศิลปกรรม และหลักฐานดั้งเดิมบางส่วนได้เป็นอย่างมาก และก็ไม่เฉพาะในช่วงเวลาขณะนั้น ยังสามารถย้อนขึ้นไปได้ถึงสมัยรัตนโกสินทร์ราวรัชกาลที่ 3 ได้อีกด้วย
ขอบเขตของการศึกษานี้ ไม่ได้จำกัดวงอยู่แต่เฉพาะที่วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งเท่านั้น แต่ได้มีการศึกษาเปรียบเทียบกับวัดต่าง ๆ ทั้งในท้องถิ่นและที่เกี่ยวข้องกับที่อื่น ๆ เข้ามาด้วย ซึ่งทำให้มองเห็นเอกลักษณ์ของสกุลช่างท้องถิ่นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จากการศึกษา พบว่า ในท้องถิ่นใกล้เคียงมีวัดที่สำคัญถึง 4 วัด ที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันคือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุพิษณุโลก หรือวัดพระพุทธชินราชวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง วัดพระฝางสวางคบุรีและวันดอนสัก การเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์นี้ก็ได้แก่ รูปแบบศิลปกรรมและขบวนการทางช่าง วิธีการก่อสร้างต่าง ๆ ได้แก่
1. พระธาตุเจดีย์ ได้มีการพบภาพถ่ายเก่าก่อนบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 5 ทำให้เห็นรูปแบบเป็นเจดีย์ทรงระฆังกลม และเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับเจดีย์ในสกุลต่าง ๆ ทำให้เห็นว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นรูปแบบของท้องถิ่นเอง
2. สถาปัตยกรรมพระวิหารและพระอุโบสถ พบว่า ส่วนสำคัญที่แสดงออกให้เห็นเอกลักษณ์ที่เด่นชัดของสกุลช่างท้องถิ่น คือ ระบบและโครงสร้างของหลังคาพระวิหารที่แตกต่างไปจากงานสกุลช่างหลวง โดยรับอิทธิพลจากวัดพระพุทธชินราชเป็นต้นแบบ แล้วนำมาปรับปรุงใช้เป็นแบบอย่างในท้องถิ่น ได้แก่ การวางตัวไม้แผ่นแบบพาดเชื่อมหัวเสาไปตามยาวอาคาร ในขณะที่สกุลช่างหลวงทั่วไปจะวางขื่อพาดเชื่อมหัวเสาตามขวางของอาคารก่อนจะบากรับไม้แป นอกจากนี้แล้ว การวางไม้กลอนและไขราก็ตางไปจากสกุลช่างหลวง โดยช่างท้องถิ่นจะพาดไม้กลอนลงบนแปหัวเสา ในขณะที่สกุลช่างหลวงจะยกลอยไปจนที่เชิงกลอน โดยแปหัวเสาจะไม่ติดกันกับไม้กลอน
3. จากศิลปกรรมอื่น ๆ ได้แก่ งานแกะสลักไม้บนหน้าบัน และงานจิตรกรรมเป็นงานของช่างท้องถิ่นที่ชัดเจน ได้สะท้อนให้เห็นแนวคิดและทัศนคติต่าง ๆ เช่น คติความเชื่อเรื่องไตรภูมิพุทธประวัติ และนิทานพื้นบ้าน
ในส่วนของอายุศิลปกรรม ในส่วนที่ไม่มีหลักฐานประวัติการซ่อมก็เป็นการยากที่จะระบุเวลาลงไปแน่ชัด เพราะงานสกุลช่างท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับศาสนา จะอยู่ในขอบเขตจำกัด ไม่แผ่กว้างอย่างสกุลช่างหลวง ที่สามารถเทียบเคียงรูปแบบและประวัติการสร้างได้จะมีชัดเจนที่สุดคือ การซ่อม ในสมัยรัชกาลที่ 5 และที่ 3 ส่วนที่ย้อนเลยขึ้นไปนั้น คงเป็นเพียงแต่ข้อสันนิษฐาน โดยอาศัยข้อมูลที่เชื่อว่าอาจเป็นไปได้มาสนับสนุน เท่านั้น The objective of this study was to digest local schools in relation to the architecture and decorative art based on wat Bharbaromadhatu Tungyang. Since there hed been on research on such aspect for long aside from the manuscript and assumption of His Royal Highness Prince Damrongrajanuparp entitled “Teo Tam Rang Rotfai” and His Royal Highness Prince Narisaranuwattiwongee entitled “Jodmai Rayatang Pai Pitsanulok”. It was accredited as solution to all.
Nevertheless, there was some unknown information still left behind caused by time and technique in the old days. The researcher of this study brought about further distination.
Basically, the above mentioned was mainly accomplished with reference to the manuscripts of King Rama the Fifth and those two princes. Form and movement of architecture and decorative art for the time being were acknowledged. Certain evidence was successively informed up to the beginning of Rattanakosin Era, during the reign of King Rama the Third.
Scope of this study was unlimited. It was the researcher’s complete task comparing some other places with Wat Bharbaromadhatu such as Wat Phrasriratanamahadhat Pitsanulok (Wat Phrabuddhachinaraj) Wat Phraphangsawangkaburi and Wat Donsak Local schools’characteristics were therefore distinctively enhanced. The researcher found that there was harmonious insight regarding artistic form, technical process and construction technique as followed;
1. Referred to former negative before the renovation it the reign of King Rama the Fifth, Phradhat Jedi was in bell shaped form. Thai must have been local comparing with some other jedis created by different schools.
2. Architectural structure of viharas and temples was uniquely different from Royal school especially on the roof. It was inflyenced by the original Wat Phrabuddhachinaraj. They applied mortice and tenon technique to the beams along the length of the building whereas those form Royal school would have done the across. Besides, they laid mai Kloan on the pae whereas those from Royal school would have lifted it over.
3. Others are wood carving and mural painting. They were exactly local, reflected their own concept and belief as a matter of the three worlds, lord Buddha’s life or folklore.
However, it was very complicated to mention the exact time of those artistic tasks unless there was certain evidence of renovation process, the research was limited if it was in relation to religion for the sake of local school. Unlike Royal school, the researcher could trace it from the renovation especially in the reign of king Rama the Fifth and the Third. Assumption took the most important part for those in the former days inevitably.
Description:
วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (ประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม))--มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2536
Type:
Degree Name:
ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
Discipline:
ประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม
Rights Holder:
มหาวิทยาลัยศิลปากร
Collections:
Total Download:
226