ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติเกี่ยวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพของผู้อำนวยการสถานีและผู้ดำเนินรายการวิทยุกระจายเสียง กรณีศึกษาเขตบริการสุขภาพที่ 5

Abstract

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติเกี่ยวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพของผู้อำนวยการสถานีและผู้ดำเนินรายการวิทยุกระจายเสียงกรณีศึกษาเขตบริการสุขภาพที่ 5 เป็นการวิจัยเชิงสำรวจแบบตัดขวาง โดยส่งแบบสอบถามที่พัฒนาขึ้นแก่ผู้อำนวยการสถานีและผู้ดำเนินรายการวิทยุกระจายเสียงในเขตบริการสุขภาพที่ 5 โดยเก็บข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 207 ตัวอย่าง และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละและสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การทดตอบไคสแควร์และฟิชเชอร์ ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นผู้ดำเนินรายการ คิดเป็นร้อยละ56.5 ได้รับใบอนุญาตประเภททดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงประเภทกิจการทางธุรกิจคิดเป็นร้อยละ 93.2 มีประสบการณ์ทำงานมากกว่า 5 ปี ถึง 10 ปี คิดเป็นร้อยละ 44.0 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของกลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 15,000 ถึง 20,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 26.1 สถานีวิทยุกระจายเสียงของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีออกอากาศในรูปแบบของการบรรยายสด คิดเป็นร้อยละ 68.1 ส่วนใหญ่มีระดับความรู้เกี่ยวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพโดยรวมไม่ผ่านเกณฑ์คิดเป็นร้อยละ 53.6 โดยจำแนกตามบทบาทหน้าที่ในการปฏิบัติงานจะพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่มีการปฏิบัติงานทั้ง 2 บทบาทคือเป็นทั้งผู้อำนายการสถานีและผู้ดำเนินรายการมีระดับความรู้เกี่ยวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยรวมผ่านเกณฑ์มาตรฐานสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 63.3 และเมื่อวัดระดับความรู้เกี่ยวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพจำแนกตามประเภทของกฎหมายที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีระดับความรู้กฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ การโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทั่วไป และด้านวิทยุกระจายเสียง ที่ร้อยละ 68.1 62.3 55.6 และ 71.5 ตามลำดับ และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีระดับความรู้กฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์อาหารและผลิตภัณฑ์ยาจำนวนร้อยละ 59.4 และ 70.5 ตามลำดับ และผลการปฏิบัติที่ถูกต้องในกรณีศึกษาเกี่ยวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร ยา เครื่องสำอางที่ร้อยละ 41.5 53.6 และ 42.5 ตามลำดับ และมีการปฏิบัติถูกต้องทั้ง 3 กรณีศึกษา เพียงร้อยละ 10.1 มีระยะเวลาจัดเก็บบันทึกรายการที่เผยแพร่น้อยกว่า 45 วัน ที่ร้อยละ 1.0 มีระยะเวลาของการโฆษณาเป็นไปตามกฎหมายกำหนดคิดเป็นร้อยละ 91.8 และการทำสัญญากับผู้ว่าจ้างคิดเป็นร้อยละ 88.4 พบว่าประสบการณ์ทำงานมีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติเกี่ยวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพในกรณีศึกษาการปฏิบัติเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหาร (P-value = 0.014) ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ปัจจัยทั่วไปได้แก่ประสบการณ์ทำงานมีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติเกี่ยวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพในกรณีศึกษาการปฏิบัติเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหาร และระดับความรู้ไม่มีความสัมพันธ์การปฏิบัติที่ถูกต้องซึ่งอาจเกิดจากมีปัจจัยอื่นที่มีผลต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ดังนั้นจึงควรมีการศึกษาเชิงคุณภาพเพื่อหาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อไป และควรมีการพัฒนารูปแบบหรือวิธีการอื่นๆที่ช่วยให้กลุ่มตัวอย่างมีการปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมายนอกจากกระบวนการอบรมให้ความรู้อย่างเดียว

The objectives of this study were to survey factors related to practice with health products advertisement of director or modulator in radio station : a case study of fifth health region area. A cross-sectional survey, questionnaire was used to collect data from 207 samples. Data were analyzed by descriptive statistics for frequency and percentage. The inferential statistics using the test of the chi-square and Fisher exact The results showed that most of the samples were moderators, 56.5% Get a commercial license, 93.2 Work experience over 5 years to 10 years, 44.0% Average monthly income is between 15,000 and 20,000 baht. 26.1% Most radio stations are broadcast in the live form, 68.1% Most of them have no knowledge about advertising health products, 53.6% By the roles and functions of the work, it was found that the samples who performed both roles, both the director and the moderator, had a higher level of knowledge about advertising health products, 63.3% had legal knowledge about standard health products such as Cosmetic products. Medical product General health product Advertising Radio broadcasting was 68.1, 62.3, 55.6 and 71.5 respectively. And Most of the samples had knowledge about health products that were not standardized, such as food products and medicine 59.4% and 70.5%, respectively. Correct practices in case studies on advertising of foods drug cosmetics at 41.5% 53.5% and 42.5% respectively. And Correct practices in three case, 10.1% Recording period less than 45 days, 1.0% The duration of the advertisement is legal, 91.8% Contract with the employer, 88.4% There was a significant correlation between work experience and the practice of advertising health products in the case of the food products of director (p-value = 0.014) Knowledge-based samples did not have a relationship, which could be due to other factors affecting the compliance. Therefore, Therefore, qualitative studies should be conducted to identify the factors that are related. And other forms or methods should be developed that will help to ensure that the sample is property treated in accordance with the law