ประติมากรรม--ไทย
จิระเดช มีมาลัย

2003

มหาวิทยาลัยศิลปากร

โลหะ, แสตนเลส ขนาด 250x60 เซนติเมตรเป็นผลงานที่มีการพัฒนารูปแบบและวิธีนำเสนอพลังความเคลื่อนไหวและผลักดันของอากาศ และพื้นที่ว่างภายในรูปทรง (Internal Space) โดยการสร้างสรรค์รูปทรงจากโครงสร้างแบบเรขาคณิต (Geometric Form) ที่เรียบง่ายผสมเข้ากับโครงสร้างแบบอินทรีย์รูป (Organic Form) เพื่อแสดงออกถึงระนาบและพื้นผิวของปริมาตรโดยการกำหนดให้โครงสร้างของรูปทรงบนเส้นแกนแนวดิ่ง(Vertical Axis) วางอยู่บนเส้นแกนแนวราบ (Horizontal Axis)ในลักษณะตั้งฉากกับพื้น(Ground) การกำหนดรูปทรงโดมโค้งคู่เป็นการเพิ่มจุดสมดุลย์ในเส้นแกนแนวราบ ส่งผลให้เกิดลักษณะของดุลยภาพแบบถ่วงน้ำหนัก(Counterpoise) เป็นการสลายความรู้สึกของดุลยภาพแบบหยุดนิ่ง(Static Visual Equilibrium) เนื่องจากการตัดกันระหว่างเส้นแกนแนวดิ่งและเส้นแกนแนวราบการเรียงตัวกันของระนาบและการทับซ้อนกันเข้าเป็นรูปทรงก่อให้เกิดเส้นใน (Internal Contour) ช่วยเน้นปริมาตรของมวลและจุดศูนย์กลางของรูปทรงโดมโค้งคู่มีผลต่อพลังการเคลื่อนไหวระหว่างจุดศูนย์ กลางทั้งสองและความรู้สึกในการแบ่งที่ว่างให้มีความซับซ้อนขึ้น พลังความเคลื่อนไหวของที่ว่างที่เกิดจากจุด ศูนย์กลาง สร้างให้เกิดความรู้สึกถึงการขยายตัวใหญ่ขึ้น และหดตัวเล็กลงสลับกันไปเรื่อย ๆ ของจุดศูนย์กลางโดยมีรัศมีซ้ำเป็นวงของเส้นในบนระนาบและพื้นผิวปริมาตรสร้างจังหวะที่มีพลังกระทำต่อที่ว่างภายนอก ในขณะที่เราเห็นจุดศูนย์กลางนั้นขยายตัวออกจะรู้สึกว่าจุดศูนย์กลางกำลังพุ่งตัวเข้าหาเรา และถอยห่างลึกกลับเข้าไปในขณะที่มันหดตัวเล็กลง ปรากฎการณ์เช่นนี้เป็นผลสืบเนื่องจากปฏิกริยาระหว่างที่ว่างกับจุดศูนย์กลาง กล่าวคือจุดศูนย์กลางพยายามขยายตัวออกในที่ว่างแต่ที่ว่างพยายามโต้ตอบกลับไป ผลของปรากฎการณ์นี้ก่อให้เกิดพลังความเคลื่อนไหวของรูปทรงใน 2 แบบ คือทางราบที่เกิดจากการขยายและหดตัวกับทางลึกที่เกิดจากการพุ่งตัวเข้ามาและถอยกลับไปของจุดศูนย์กลาง คลายระลอกคลื่นเป็นวงบนผิวน้ำการควบคุมปริมาตรของที่ว่างภายใน (Internal Space Volume) ด้วยขอบเขตของรูปทรงภายนอกที่กำหนดขึ้นจากโครงสร้างของรูปทรงโดมโค้งเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ที่ว่างแบบ 3 มิติ ส่งผลให้เกิดความรู้สึกในพลังความเคลื่อนไหวแบบตรึงเครียดจากการผชิญหน้ากันระหว่างที่ว่างบวกและที่ว่างลบ ก่อให้เกิดความรู้สึกถึงแรงผลัดดันภายในที่พยายามดิ้นรนดันตัวให้รูปทรงโดมโห้งทะยานขึ้นจากระนาบพื้น (Ground Plane) หนีแรงดึงดูดของโลกสู่อากาศเบื้องบน คลายแรงผลักดันของมวลที่กระทำต่อผิวน้ำและดึงผิวน้ำขึ้นสู่อากาศตามกฎของแรงตึงผิวระนาบผิวสะท้อนโค้งเว้าตามรูปทรงปริมาตรของโดมโค้งซึ่งวางอยู่บนเส้นแกนแนงดิ่ง ให้ภาพสะท้อน บรรยากาศต่งมิติกับระนาบผิวสะท้อนแบนราบบนเส้นแกนแนวนอนของพื้น เกิดมิติลวงในการสะท้อนภาพ บรรยากาศของที่ว่างรอบ ๆ ซ้อนทับกันลงบนรูปทรง การซ้อนทับด้วยมิติของที่ว่างและการสะท้อนภาพจริงบิดเบือนลงบนผิวระนาบ ปรากฏเป็นภาพของที่ว่างลวงบนพื้นผิวปริมาตร และมีผลในการสลายความหนาแน่น ของมวล ทางด้านเนื้อหาภายนอกเป็นสื่อสัญลักษณ์ถึงภาพสะท้อนของจิตใจ ซึ่งถูกกระตุ้นให้เกิดการเปิดเผย และแผ่กว้างออกไปอย่างไม่มีที่สุด คลายแรงที่กระทำต่อผิวน้ำและก่อตัวเป็นระลอกคลื่นขยายออกเป็นวงกว้าง

Work of Art

https://sure.su.ac.th/xmlui/handle/123456789/23404

วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญาศิลปมหาบัณฑิต เรื่อง "โครงการออกแบบสร้างสรรค์ประติมากรรมติดตั้งอาคารสักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี บ้านสองคอน อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร เรื่อง รูปสักขีแห่งจิต"

มหาวิทยาลัยศิลปากร

16