ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อการกระจายรายได้ของกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางและความเกี่ยวข้องของดัชนีชี้วัดธรรมาภิบาล : การสร้างแนวทางลดความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยตามหลักสากล

Other Title:
The causal factors affecting the income distribution of middle-income countries and their relevance to the good governance index : creating ways of bridging the inequality gap in Thailand under international evidence
Date:
2019
Publisher:
สถาบันพระปกเกล้า
Abstract:
งานวิจัยเรื่อง ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อการกระจายรายได้ของกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางและ ความเกี่ยวข้องของดัชนีชี้วัดธรรมาภิบาล : การสร้างแนวทางลดความเหลื่อมล้้าในประเทศไทยตามหลักสากล มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ท้าให้เกิดความเหลื่อมล้้าของรายได้ของประชาชนในกลุ่มประเทศ รายได้ปานกลางของโลก ที่ใช้ตัวชี้วัดความเหลื่อมล้้าด้านรายได้สองรูปแบบด้วยกัน คือ 1) Gini Coefficient หรือดัชนีสัมประสิทธิ์ความเหลื่อมล้้า และ 2) Income share held by lowest 10% หรือสัดส่วนการกระจาย รายได้ไปยังกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำที่สุดร้อยละ 10 โดยรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิจาก 101 ประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ในระหว่างปี ค.ศ.2000-2017 เป็นแหล่งข้อมูลในการวิเคราะห์ นอกจากนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพิ่มเติม คือ เพื่อศึกษาความเกี่ยวข้องของตัวแปรธรรมาภิบาลที่ส่งผลต่อความเหลื่อมลำ้และพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เพื่อลดความเหลื่อมล้้าในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง ในประเด็นปัจจัยที่มีผลต่อความเหลื่อมล้ำด้วยดัชนี Gini Coefficient ใช้วิธีการ Balance Panel Data Analysis ในการวิเคราะห์โดยมีกลุ่มปัจจัยที่ใช้การทำนาย ได้แก่ 1) กลุ่มตัวแปรการเปิดประเทศจากโลกาภิวัตน์ซึ่งใช้ตัวแปรเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติคิดเป็นดอลล่าร์สหรฐั และตัวแปรสัดส่วนการส่งออกสินค้าและการบริการคิดเป็นสัดส่วนจากผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติเป็น ตัวแทน 2) กลุ่มตัวแปรการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งใช้ตัวแปรรายได้มวลรวมประชาชาติตามการคำนวณ ค่าเงินสากล และตัวแปรรายจ่ายของรัฐบาลสุดท้ายต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ 3) กลุ่มตัวแปรโครงสร้าง ทางระบบเศรษฐกิจซึ่งใช้ตัวแปรอัตราเงินเฟ้อจากดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวม และตัวแปรสัดส่วนการว่างงาน จากแรงงานทั้งหมดเป็นตัวแทน 4) กลุ่มตัวแปรโครงสร้างภูมิประชากร ศาสตร์โดยใช้ตัวแปรจำนวนประชากร ในเขตเมืองต่อประชากรทั้งหมด และตัวแปรการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมจากจำนวนแรงงานทั้งหมดเป็น ตัวแทน 5) กลุ่มตัวแปรตัวแทนธรรมาภิบาลของรัฐ โดยใช้ตัวแปรดัชนีความโปร่งใสและการเรียกร้องตามสิทธิ และตัวแปรดัชนีการควบคุมการทุจริตเป็นตัวแทน ผลการทดสอบพบว่าตัวแปรทุกตัวมีความนิ่งอยู่ในระดับ I (1) และมีความเหมาะสมในการทดสอบ แบบจำลองด้วยวิธี Random Effect ซึ่งพบผลที่เป็นไปตามทฤษฎีกล่าวคือ สัดส่วนการว่างงานจากประชากรวัยแรงงาน (b = 0.437) และรายได้มวลรวมประชาชาติตามการคำนวณค่าเงินสากล (b = 9.130) มีผลต่อดัชนี ความเหลื่อมล้้า Gini อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในประเด็นปัจจัยที่มีผลต่อความเหลื่อมล้้าด้วยสัดส่วนการกระจายรายได้ไปยังกลุ่มผู้มีรายได้ตำ่ที่สุด ร้อยละ 10 (Income share held by lowest 10%) ใช้วิธีการ Balance Panel Data Analysis ในการวิเคราะห์ โดยมีกลุ่มปัจจัยที่ใช้การทำนาย ได้แก่ 1) กลุ่มตัวแปรการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งใช้ตัวแปรรายได้มวลรวม ประชาชาติตามการคำนวณค่าเงินสากล และตัวแปรรายจ่ายของรัฐบาลสุดท้ายต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ 2) กลุ่มตัวแปรโครงสร้างทางระบบเศรษฐกิจ ซึ่งใช้ตัวแปรสัดส่วนการว่างงานจากแรงงานทั้งหมดเป็นตัวแทน 3) กลุ่มตัวแปรตัวแทนธรรมาภิบาลของรัฐโดยใช้ตัวแปรดัชนีประสิทธิผลภาครัฐ ตัวแปรดัชนีนิติธรรม และ ตัวแปรดัชนีคุณภาพการออกกฎหมายเป็นตัวแทน ผลการทดสอบพบว่าแบบจำลองควรทดสอบด้วยวิธี Random Effect และพบผลที่เป็นไปตามทฤษฎีกล่าวคือ ดัชนีหลักนิติธรรม (b = 0.535) และรายจ่ายของ รัฐบาลสุดท้ายต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (b = -0.0262) มีอิทธิพลต่อการกระจายรายได้ไปสู่กลุ่มผู้มีรายได้ตำ่ที่สุดร้อยละ 10 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลสรุปสำคัญ ได้แก่ 1) ยิ่งประเทศร่ำรวยมากขึ้นจะยิ่งใช้จ่ายมากขึ้นแต่กลับทำให้ความเหลื่อมล้ำแย่ลง ดังนั้น จึงควรเน้นการใช้จ่ายไปที่กลุ่มประชากรที่เป็นเป้าหมายมากกว่าการใช้จ่ายปริมาณมาก 2) การว่างงาน เป็นปัจจัยที่มีผลต่อความเหลื่อมล้้า รัฐควรมีแนวทางให้เกิดการจ้างงานมากที่สุด 3) นิติธรรม (Rule of Law) เป็นปัจจัยเกื้อหนุนในการช่วยลดความเหลื่อมล้้าโดยเฉพาะสำหรับกลุ่มประชากรที่ยากจนที่สุดร้อยละ 10
Type:
Rights Holder:
สถาบันพระปกเกล้า
Collections:
Total Download:
1849