แนวทางการนำเสนอข้อมูลประวัติศาสตร์ในอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ศึกษากรณีมุสลิมในราชสำนัก

Abstract

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหาแนวทางในการนำเสนอข้อมูลประวัติศาสตร์ มุสลิมในราชสำนักเป็นนิทรรศการหมุนเวียนให้สาธารณชนโดยเฉพาะ นักเรียน นักศึกษา เยาวชน ของชาติที่เข้ามาเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานแห่งชาติซึ่งนอกจากจะเรียนรู้และเข้าใจพัฒนาการความเป็นมาของชาติไทย พระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย การเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตของบรรพบุรุษ เพื่อคงไว้ซึ่งชาติไทยจากนิทรรศการถาวรที่จัดแสดงไว้อยู่แต่เดิมแล้วนั้น ยังจะเพิ่มความเข้าใจ ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับมุสลิมในประเทศไทยที่มีบทบาทในราชสำนัก ที่สร้างคุณานุประโยชน์ให้แก่ ประเทศไทยมาช้านาน ซึ่งจะช่วยให้เกิดความรัก ความภาคภูมิใจ และเกิดความเข้าใจที่ดีต่อกันึ่งผลสัมฤทธิ์ในการศึกษานี้จะสามารถกระตุ้นให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ของผู้คนในชาติได้ ในการศึกษาแนวทางการนำเสนอข้อมูลประวัติศาสตร์กรณีมุสลิมในราชสำนักนี้ ผู้ศึกษา ได้ใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ มีการค้นคว้าข้อมูลจากเอกสาร การลงพื้นที่ศึกษาเก็บข้อมูลพร้อมการสัมภาษณ์ กลุ่มผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานในอนุสรณ์สถานแห่งชาติ กลุ่มนักวิชาการ และมุสลิมหลายพื้นที่ นอกจากนี้ ยังได้ใช้แบบสอบถามกับบรรดาผู้เข้าเยี่ยมชมถึงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และทัศนคติเพื่อเป็นแนวทาง และการเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับมุสลิมในราชสำนัก ในรูปแบบนิทรรศการหมุนเวียนเพื่อเผยแพร่ในอนุสรณ์ สถานแห่งชาติ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ทหารที่อยู่ในการดูแลของกองพิพิธภัณฑ์ทหารและอนุสรณ์สถานแห่งชาติ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย ที่มีการจัดแสดงนิทรรศการ ประวัติศาสตร์การสร้างชาติตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจนถึงยุคปัจจุบัน จากผลการศึกษาพบว่าทัศนคติของ ผู้เข้าเยี่ยมชมที่มีต่อการจัดแสดงนิทรรศการถาวรที่จัดแสดงอยู่ในปัจจุบันนั้นมีความสนใจในระดับดี แต่ในส่วนของข้อมูลประวัติศาสตร์เกี่ยวกับมุสลิมในประเทศไทยโดยเฉพาะบทบาทมุสลิมในราชสำนัก นั้นไม่ค่อยมีการศึกษาหรือมีการเผยแพร่ค่อนข้างน้อยจึงสมควรมีการนำเสนอในรูปแบบนิทรรศการ เพื่อเผยแพร่อย่างเหมาะสม ผู้เข้าเยี่ยมชมยังได้แสดงความสนใจและความต้องการให้มีการศึกษา ค้นคว้าข้อมูลประวัติศาสตร์ในส่วนนี้ให้มากขึ้นอีกด้วย อนุสรณ์สถานแห่งชาติซึ่งถือเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญ ระดับประเทศ นอกจากจะมีนิทรรศการเผยแพร่ข้อมูลประวัติศาสตร์ชาติอย่างเต็มศักยภาพแล้ว ควรต้องมีการนำเสนอแง่มุมประวัติศาสตร์ที่กว้างขวางเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในประเด็นเรื่อง ความหลากหลายของผู้คน ชุมชนและวัฒนธรรมที่มีพัฒนาการการอยู่ร่วมกันบนผืนแผ่นดินไทย อย่างเข้าใจและสันติสุขมาช้านาน ซึ่งในเบื้องต้นนี้ผู้ศึกษาจึงได้เริ่มด้วยการศึกษากรณีบทบาทมุสลิมในราชสำนักก่อนและควรมีการศึกษาผู้คน ชุมชนและวัฒนธรรมอื่นๆ นำเสนอในลำดับต่อไป

The purpose of this research is to find the way to do temporary exhibition regarding the topic: the information of national history of Muslims in the Royal Court. This exhibition is about to present historical data to the visitors, especially students who come to visit the National Memorial. Beside; learning and understanding about the developing progress of the Royal Thai, the benevolence of the King of Thailand, and the sacrifice of our ancestors’ life and blood in order to preserve the autonomy of our nation; there also increase understanding about the history of Muslims in the Thai Royal Court. These Muslims took a vital role in providing a lot of contribution to Thailand for a long time. Hence, this exhibition will surely build up love and proud in the heart of the Royal Thai descendants as well as stimulate harmony among Thais. Researcher studied the way for presenting the information of national history by exploited the case study: Muslims in the Royal Court. This case was studied by using qualitative research approach. In other words; searching through documents, field study and data collection, and interview session of those who work in the National Memorial and also the Muslims in many areas. Furthermore, there is a usage of questionnaire in order to measure visitors’ attitude, suggestion and requirements towards our exhibition. This is about to add more historical data - which is about Muslims in the Royal Court – to a temporary exhibition within the National Memorial, which is a military museum that is in the custody of the Military Museum and the National Memorial. The National Defense Institute and the Headquarters of the Royal Thai Army exhibit the history of national creation since Sukhothai era until present. The result of the study indicates that attitude of visitors towards the permanent exhibition which is on display nowadays is good. On the other hand, there are very few on the study of Muslims’ history. Hence, if there is no appropriate preservation, the Muslims’ history will surely vanish from the history of Thailand. Moreover, visitors pay a lot of interest in further study of this historical information. The National Memorial is a vital source of historical learning. Besides, there is an exhibition for full potential presenting about the history of the Nation, it should add historical aspects presentation regarding to the ethnic diversity and the peacefully living among each other in Thailand. Preliminary, researcher begin with the study regarding to the role of Muslims in the Royal Court and will soon do a further research on people, communities, cultures and so on.