การจัดการทรัพยากรทางโบราณคดีของชุมชนทุ่งม่าน ตำบลเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย

Other Title:
Community-based archaeological resource management at Tung Mahn, Wieng Kalong, Chiang Rai Province
Author:
Subject:
Date:
2010
Publisher:
มหาวิทยาลัยศิลปากร
Abstract:
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจการจัดการทรัพยากรทางโบราณคดีของคนในชุมชนทุ่งม่าน ตำบลเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า ตั้งแต่ พ.ศ. 2520 – 2552 โดยศึกษาเก็บข้อมูลจากผู้จัดการที่เป็นคนในชุมชนทุ่งม่าน 2 กลุ่ม คือกลุ่มศิลปินสืบสานภูมิปัญญาโบราณในการผลิตเครื่องปั้นดินเผาเวียงกาหลง และกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและโบราณคดี ป่าแม่เฮียว เวียงกาหลง โดยใช้แนวคิดการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรม เป็นแนวทางในการเก็บข้อมูลจากเอกสาร และความคิดเห็นของผู้จัดการในชุมชน แล้วนำมาวิเคราะห์หารูปแบบของการจัดการทรัพยากรทางโบราณคดีในแต่ละครั้ง
การวิจัยพบว่าการจัดการทรัพยากรทางโบราณคดีของชุมชนทุ่งม่านมีวิธีคิด และกระบวนการจัดการที่เปลี่ยนแปลงไปตามบริบทในแต่ละช่วงเวลา ผู้จัดการกลุ่มศิลปินสืบสานภูมิปัญญาโบราณในการผลิตเครื่องปั้นดินเผาเวียงกาหลง มีวิธีคิดและวิธีการจัดการ 2 รูปแบบ คือ ในช่วง พ.ศ. 2525 – ก่อน พ.ศ. 2530 มีกระแสความต้องการสะสมโบราณวัตถุเวียงกาหลงจากภายนอก พ้องกับความยากจนและความไม่รู้ทำให้ผู้จัดการคิดว่าตนเองไม่ใช่เจ้าของเตาและโบราณวัตถุเวียงกาหลงซึ่งมีคุณค่าเชิงมูลค่าเพียงอย่างเดียว เกิดรูปแบบการจัดการแบบชุดหาโบราณวัตถุขาย (พ.ศ. 2525-2528) ทำให้ผู้จัดการได้รายได้ตอบแทน แต่ไม่ยั่งยืนเพราะทรัพยากรถูกทำลาย ในช่วง พ.ศ. 2530 – ปัจจุบัน วิธีคิดมีความเปลี่ยนแปลงเป็นมองว่าทรัพยากรเป็นสมบัติของตนเองและชุมชน รู้สึกผูกพันและเห็นคุณค่าที่หลากหลาย เกิดการจัดการเพื่อใช้ประโยชน์ไปพร้อม ๆ กับการอนุรักษ์ความดั้งเดิม คือการรื้อฟื้นภูมิปัญญาโบราณเพื่อผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่เหมือนโบราณวัตถุจำหน่ายตอบสนองความต้องการโบราณวัตถุเวียงกาหลง ตั้งแต่ พ.ศ. 2530 ถึงปัจจุบัน และการจัดการอนุรักษ์เตาเวียงกาหลง ใน พ.ศ. 2550 ถึงปัจจุบัน เนื่องจากได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักวิขาการภายนอก ทำให้ผู้จัดการสามารถอนุรักษ์เตาโบราณ และใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน
ผู้จัดการที่อยู่ในกลุ่มอนุรักษ์ฯ มีวิธีคิดและดำเนินการจัดการทรัพยากรทางโบราณคดี 2 รูปแบบ พ.ศ. 2428 – 2549 ผู้จัดการมีวิธีคิดว่าทรัพยากรไม่มีเจ้าของ มีคุณค่าเชิงมูลค่า ทำให้เกิดการขุดหาโบราณวัตถุขาย เพราะไม่รู้คุณค่าของทรัพยากรและกระแสความต้องการสะสมและศึกษาโบราณวัตถุเวียงกาหลงของคนนอก ผลการจัดการทำให้เกิดความตระหนักถึงคุณค่า และได้เรียนรู้ว่าการขุดโบราณวัตถุขายเป็นการทำประโยชน์ที่ไม่ยั่งยืนเช่นเดียวกับผู้จัดการกลุ่มแรก ดังนั้นเมืองกลุ่มได้รับแนวความคิดเรื่องการจัดการทรัพยากรเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว จากนักวิขาการจากภายนอก ตั้งแต่ พ.ศ. 2549 ทำให้เกิดการจัดการอนุรักษ์เตาเวียงกาหลง เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้อย่างยั่งยืน ตั้งแต่ พ.ศ. 2550 จนถึงปัจจุบัน This study is aimed to assess and understand the community-based management process of archaeological resource at Wiang Kalong ceramic kiln site operating by peoples of Ban Thung Mahn during 1977-2009. Populations be studied are (1) ceramic artisans who success in creation and production modern Wiang Kalong ceramics, and (2) people group for the preservation and conservation of natural and archaeological resource in Mae Hiew watershed.
The study resulting that during the period of 1982-1987, Wiang Kalong ceramic artisans earned their living by looting archaeological sites for saleable. Since 1983 to present they have gradually changed their concepts and practices to preserve archaeological resource in for the purpose of maintaining ceramic history. They also faked ancient Wiang Kalong ceramics far antique collectors and now they success in creating and producing modern Wiang Kalong ceramics.
Key persons of the conservation group were also ceramic looters at early period. They earn their living by growing rice and orchard plantation without any ceramic making. They later on realized that looting archaeological sites and selling ancient ceramic objects would not sustain their living, so they stop looting and try to preserve kiln sites located in their orchard land in association with the preservation of natural forest.
Type:
Discipline:
สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรม
Collections:
- วิทยานิพนธ์ [66]
Total Download:
345