ทัศนคติของผู้ประกอบการธุรกิจรถยนต์มือสองที่มีต่อการดำเนินธุรกิจด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ : กรณีศึกษาผู้ประกอบการธุรกิจรถยนต์มือสอง ถนนรามอินทรา จังหวัดกรุงเทพมหานคร

Abstract

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาศึกษาทัศนคติของผู้ประกอบการธุรกิจรถยนต์มือสองที่มีต่อ การดําเนินธุรกิจด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ถนนรามอินทรา จังหวัดกรุงเทพมหานคร การศึกษาครั้งนี้ขนาด ตัวอย่างจํานวน 43 ธุรกิจ ซึ่งใช้การสุ่มจากประชากร โดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ผลการวิจัยพบว่า ใน 1. กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 55.8 พนักงานฝ่ายขาย ร้อยละ 58.1 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 65.1 อยู่ในช่วงอายุ 20-30 ปี ร้อยละ 41.9 มีประสบการณ์ในการ ทํางานเป็นเวลา 15 ปี ร้อยละ 46.5 - 2. วัตถุประสงค์ในการใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนใหญ่ใช้เพื่อการโฆษณาสินค้า และธุรกิจ คิดเป็นร้อยละ 90.7 ระยะเวลาในการใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อยู่นช่วง 3-4 ปี และ1-2 ปี ร้อยละ 34.9 ลักษณะธุรกิจเป็นแบบ B2C ร้อยละ 93 รูปแบบการพัฒนาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์คือพัฒนาระบบเอง ร้อยละ 55.8 ส่วนเหตุผลที่ผู้ประกอบการไม่เลือกใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนใหญ่เกิดจากความไม่พร้อมด้านไอที ร้อยละ 16.3 การ ที่ 2 3. ทัศนคติของผู้ประกอบการรถยนต์มือสองที่มีผลต่อการดําเนินธุรกิจด้วยพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์นั้น ผู้ประกอบการให้ความสําคัญด้านราคามากที่สุด (r = 3.81 , S.D. = 0.58 ) รองลงมาคือด้าน ผลิตภัณฑ์ (r = 3.80 , S.D. = 0.72) และช่องทางการจัดจําหน่าย (r= 3.80 , S.D. = 0.71) และด้านการตลาดกับ กลุ่มเครือข่าย (2 3.62, SD = 0.74) ตามลําดับ SEOUUSIญญาตรี 4. ปัญหาและอุปสรรคของผู้ประกอบการด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ พบว่า ผู้ประกอบการไม่สามารถคาดการณ์ความคุ้มทุนของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้มากที่สุด (r = 3.86 , S.D. = 0.68) รองลงมา ด้านความยุ่งยากในการดําเนินการและดูแลรักษาเว็บไซต์ (r = 3.81 , S.D. = 0.66) และด้านการขาด ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อย่างแท้จริง (r = 3.79 , S.D, = (0.77) ตามลําดับ